อยากชวนเธอไปเหนื่อยด้วยกันที่ Zermatt
23/08/2016
การเดินทางมา ง่ายแสนง่าย
ออกจากสถานี เดินผ่านตัวหมู่บ้านตามถนนหลักมานิดหน่อยก็จะเห็นยอดเขามัทเทอร์ฮอร์นเลย
ถ่ายไปรัวๆ ในที่สุดก็ได้มาเห็นกับตา
เดินเยื้องออกขวามาจากหมู่บ้าน เจอป้ายบอกทางเดินป่า บรรดาhiker รูปสลักไม้ มาถูกทางแล้วแน่นอน
คนปั่นจักรยาน มีการบอกเราระวังตกผา
เดินไปเรื่อยก็จะเจอป้ายบอกทางอีก
หันลับมามองเขาด้านหลังก็สวยไม่แพงกัน
ตกใจ! ยอดมัทเทอร์ฮอร์นเปลี่ยนไป มันไม่สวยอ่ะมุมนี้
ที่เริ่มชอบการเดินป่า คงจะเพราะ มุมมอง มุมภาพของเราจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามระยะที่เราก้าวไป
สวยบ้าง ไม่สวยบ้าง โดนต้นไม้บังบางเวลาอยู่ตีนเขา ได้มองวิวมุมกว้างจากยอดเขา ได้เห็นวิวใหม่ๆ และที่แน่ๆ อากาศดี สงบ เงียบ
ตามไหล่ทางก็มีบ้าน โรงนาเล็กๆประปราย
มีร้านอาหารด้วย ใครจะพักจิบกาแฟ ตามสบาย
ตกใจอีก ยอดเขามัทเทอร์ฮอร์นเล็กลง 55555
มีพวกประวัตินักเดินทางกลุ่มแรกให้ศึกษาด้วย หรือจะม้านั่งพักพร้อมคำตอนรับนานาภาษา
หินเยอะ วางกล้อง แล้ววิ่ง นับหนึ่งถึงสิบ
มีเขื่อนเล็กๆ โรงแรมอีกฝั่งหนึ่งของลำธารด้วย เห็นมีรถบัสโรงแรมด้วย
จุดนี้น่าจะดูลำบากในการเดินหน่อย แต่นอกจากนั้นก็เป็นทางชัน ทางราบ ปกติ
คู่ชีวิต คู่เพื่อน คู่แม่ลูก ครอบครัวหรือจะsoloแบบเรา ก็มาเหนื่อยด้วยกันได้ ทักกันไป ยิ้มให้กันไป
มาถึงจุดหนึ่ง น่าจะเดินมาได้สัก 3 ชั่วโมง เห็นจะได้
จุดนี้เป็นทางลงเขา แบบชันด้วย เราก็จอดนั่งพัก
เราเริ่มคิดถ้าเดินลงตรงนี้ ขากลับก็ต้องเดินขึ้นอีก ข้อมูลแผนที่ก็ไม่มี
เหนื่อยด้วยแล้ว เลยเลือกเดินกลับ
เดินกลับเข้ามาหมูบ้าน ใช้เวลา 2 เร็วกว่าขาขึ้นเยอะ
นักท่องเที่ยวช่วงบ่ายเยอะ คึกคัก ร้านค้าก็เปิดกันจนครบ
แวะเข้า museum ส่วนมากพูดถึงประวัติผู้พิชิตยอดเขามัทเทอร์ฮอร์นกลุ่มแรก เขาเป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ อะไรประมาณนั้น แล้วนี้คือเชือกที่ใช้ปีนเขา มีการขาดระหว่างปีนด้วย
เดินเข้าร้านขนมปัง น่ากินมาก แต่ก็ดันไปเห็น COOP
เลยเลือกไปซื้อของที่coopดีกว่า ประหยัดเงินได้เยอะ
ได้พีช 1 kg ไส้กรอกขาวแพค 6 ก้อน ขนมปัง 1 แพ นมกล่อง 1 ลิตร
คือกะว่าจะนั่งกินชิวๆในรถไฟขากลับ
จะเดินเข้าสถานีไปขึ้นรถไฟ แต่พึ่งเห็นสถานีรถไฟไต่เขา อยู่ตรงข้างกันเลย
เลยลองเดินเขาไปดูหน่อย
ปรากฏว่ามี promotion หลัง 15.30 pm round trip 28 CHF
ตอนนั้นน่าจะสักสามโมงนิดๆ ก็ต่อแถวที่เคาเตอร์ ถามอีกทีเพื่อความแน่ใจ
เมื่อได้รับความกระจ่างก็รอเวลาและกลับไปต่อแถวซื้อเลย
ขึ้นรถไปเลย ได้วิวจากอีกมุม
เสียงประกาศในรถไฟมีภาษาญี่ปุ่นด้วย ชาวญี่ปุ่นน่าจะนิยมมาที่นี้กัน
ในที่สุดข้อมูลที่หามาก็เกิดประโยชน์
เราลงที่สถานี Riffelberg เพื่อตามหาทะเลสาบ ตามรีวิว
คนเกินครึ่งหนึ่งของขบวนก็ลงที่นี้กัน
ตามป้ายไปเลย Riffelsee มองlakeเห็นจากตรงนี้ได้
เดินผ่านlakeแรก ไปอีกบ่อสองก่อน
และก็หิว หาก้อนหินริมทะเลสาบ หยิบไส้กรอก นม ขนมปัง กินแบบฟินๆ
นักท่องเที่ยวเยอะแยะจุดนี้ หามุมคนน้อยๆกันเองเน่อ
แล้วหลังจากนั้นก็ว่าจะเดินไปหอดูดาวที่สถานีสุดท้ายสถานีGornergrat
อ่านรีวิวมามีทางเดินเลียบทางรถไฟแบบง่าย กับ ทางไต่เขาแบบยาก
โดยความอยากรู้ว่าทางจะเยอะแค่ไหน เราเลยเลือกไปแบบยาก
เอ้า! เริ่มเดิน
เห็นธารน้ำแข็งแต่ไกล
วางกล้อง เเล้วเอารูปตัวเองหน่อย
ครึ่งทางแรกไม่ได้ยากอะไร ทางราบๆเลียบไหล่เขาไป เริ่มเงียบ คนเริ่มน้อย
เริ่มไต่เขา คือแบบเหนื่อยจริงๆ ชันมาก แต่มีทางเดินให้เดินตาม แบบซิกแซก
คงเพราะเป็นที่สูง อากาศเริมเย็น เราเหนื่อยเร็วมากๆ
ใครจะมาทางนี้ก็ประมาณสภาพร่างกายตัวเองด้วยหน้อ
เริ่มเห็นความเข้าใจความยาก ความลำบากของการเดินเขา
มาถึงจุดนี้ นั่งพักบ่อยมา ถึงขั้นนอนกับดินเลย เหนื่อยจริงๆ ใจเต้นตุ๊บๆ เดินแค่สิบก้าวก็ต้องพัก
เราเริ่มต้องทำเวลา เพราะ รถไฟรอบสุดท้าย 2 ทุ่ม
ตอนนั้นน่าจะทุ่มแล้วยังมองไม่เห็นหอดูดาวเลย
เงียบมากจุดนี้ เข้าใจคำว่า อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ เลย ไม่เจอใครเลย
มองหาสัญลักษณ์สีนี้ เป็นทางเดินไปหอดูดาว
เห็นตัวอะไรไม่รู้ เหมือนหนูตัวใหญ่ๆด้วย ไม่รู้เรียกอะไร
แล้วก็ตัวเหมือนหนูตัวเล็กอีก วิ่งอย่างเร็ว แต่จุดนี้เหนื่อยมาก ไม้มีอารมณ์ถ่ายรูปแล้ว
ในที่สุดก็ไต่พ้นยอดเขา เห็นหอดูดาว แต่ไม่รู้เราเดินผิดทางหรืออย่างไง
มาโผล่ไกลมากจากหอดูดาว
เราเลยต้องข้ามมาลงอีกฝั่ง เดินไม่ไหว หาทางลัด ก็ใช้วิธีสไลด์ลงตามทางที่ทำเองเลย
เดินมาเจออีกlake ใกล้กับสถานีกระเช้าที่น่าจะเปิดช่วงwinnter
มองหาทางรถไฟ จนเห็นรถไฟผ่านไกล รีบมาตอนนั้น
พอมาถึงรางรถไฟ ดันไม่รู้ว่าสถานีใกล้สุดต้องเลี้ยวซ้ายหรือขวา
เดินไปขวาเห็น lakeที่แวะตอกแรก ใกล้ๆ
เลยคิดว่าต้องเลี้ยวซ้าย เพราะlake ไม่น่าจะอยู่ใกล้สถานี
แต่ปรากฎว่าไม่มีสถานี ก็ต้องเดินกลับไปทางขวาอีก
คือ งงกับตัวเอง
ระหว่างทางรถไฟรอบสุดท้ายก็ผ่านมา ไปสถานีสุดท้าย เรารีบโบกมือใหญ่
พนักงานเขาก็เปิดหน้าต่าง บอกว่าเดียวไปสถานีสุดท้ายก่อน เดียวกลับมารับ
เรานี่โล่งใจ จะได้กลับไม่ต้องมานอนหนาว 555 ถึงขั้นวางแผนหาที่นอน ถ้าไม่ได้กลับ
เดินมาเรื่อยๆตามทางรถไฟ ก็เจอสถานีที่ลงตอนแรก ตอนนี้ยิ้มเลย
ดีใจมากจุดนั้น
เจอบ่าวญี่ปุ่นสองคน ขอเขาถ่ายรูปให้ ชวนเขาคุยใหญ่เลย 555
แข่งกันคิดท่าถ่ายรูป ไม่มีอาย
เราถามเขาว่าขึ้นมาเดินเล่นนานละยัง
เขาบอกพึ่งมาครึ่งชั่วโมง รถไฟขาขึ้นรอบสุดท้ายเนี่ย แล้วก็รอรอบสุดท้ายกลับเลย
เอาตรงๆเราเสียดายเงินแทน 5555
รถไฟรอบสุดท้าย สองทุ่มกว่าๆ
ได้กลับแล้ว ก็เปิดหน้าต่าง ถ่ายรูปไปเยอะๆ มีความสุข
ตัวเมืองยามเย็น
จุดหมายปลายทางหลักของการมาสวิตนี้ คือ ที่ นี้ " Zermatt "
เพื่อจะได้ถ่ายรูปกับ " Matterhorn "
เพราะฉะนั้นรูปเยอะหน่อยเน่อ 555
ดูรูปจากรีวิวอื่น อย่างสวย เลยจัดการหาข้อมูลมาอย่างดี แน้นเปรี๊ย!
แต่ที่แน่ๆ ตรวจดูพยากรณ์อากาศ ต้องเลือกมาวันที่ท้องฟ้าโปร่งใส ไร้เมฆ
คือถ้ามีเมฆมาบังนี้ไม่เห็นยอดสวยๆจริงๆ เมฆไม่พัดลอยไปไหนเลย
การเดินทางมา ง่ายแสนง่าย
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ต้องนั่งรถไฟมา Visp แล้วเปลี่ยนขบวนไป Zermatt
ออกเช้ามากจาก neuchatel เพราะตั้งใจ ออกเช้า เย็นกลับ
จับรถไฟรอบตีห้าครึ่ง นั่งไปสามชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึง
พอพนักงานรถไฟZermattมาตรวจตั๋ว เขาก็ถามเราว่า "จะขึ้นรถไฟไต่เขาไป Gornergrat ไหม?"
เท่าที่เราหาข้อมูลและตั้งใจจะไปก็อันเนี่ยแหละ
Zermatt - Findelbach - Riffelalp - Riffelberg - Rotenboden- ปลายทาง Gornergrat
เขาก็บอกซื้อที่เขาได้เลย company เดียวกัน จะได้ไม่ต้องไปต่อแถวซื้อในออฟฟิต
เราก็ถามราคาไป เขาบอก 45 CHF ไป กลับ ลดครึ่งราคาแล้ว เพราะมี swiss pass
คือเราว่าแพง ขายขาเดียวก็ไม่มี เราเลยไม่ซื้อ
ตั้งใจหาทาง hiking เองดีกว่า
หลายคนคงคิดว่า อุตส่าห์มาละ ไม่น่าเสียดายเงิน
แต่เพราะเราไปขึ้น first แล้วรู้สึกว่าอันนี้แพงไป เห็นความสวยจากที่นั้นแล้วด้วย
ที่นี้ไม่ได้เห็นแบบสวยเท่าในรีวิวไม่เป็นไร และเพราะต้องประหยัด งบน้อย
แต่ความสนุก ความฮา และความคุ้มค่า เริ่มต้นจากตรงนี้
เพราะหาข้อมูลแต่วิธีนั่งรถไฟไต่เขา เลยใช้วิธีเดินตามคนอื่นๆ จนมาเจอทาง hiking
ตื่นเต้น อยากเดิน เลยลืมแวะเข้า information ตรงหน้าสถานีเลย
ออกจากสถานี เดินผ่านตัวหมู่บ้านตามถนนหลักมานิดหน่อยก็จะเห็นยอดเขามัทเทอร์ฮอร์นเลย
ถ่ายไปรัวๆ ในที่สุดก็ได้มาเห็นกับตา
เดินเยื้องออกขวามาจากหมู่บ้าน เจอป้ายบอกทางเดินป่า บรรดาhiker รูปสลักไม้ มาถูกทางแล้วแน่นอน
คนปั่นจักรยาน มีการบอกเราระวังตกผา
เดินไปเรื่อยก็จะเจอป้ายบอกทางอีก
หันลับมามองเขาด้านหลังก็สวยไม่แพงกัน
ตกใจ! ยอดมัทเทอร์ฮอร์นเปลี่ยนไป มันไม่สวยอ่ะมุมนี้
ที่เริ่มชอบการเดินป่า คงจะเพราะ มุมมอง มุมภาพของเราจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามระยะที่เราก้าวไป
สวยบ้าง ไม่สวยบ้าง โดนต้นไม้บังบางเวลาอยู่ตีนเขา ได้มองวิวมุมกว้างจากยอดเขา ได้เห็นวิวใหม่ๆ และที่แน่ๆ อากาศดี สงบ เงียบ
ตามไหล่ทางก็มีบ้าน โรงนาเล็กๆประปราย
มีร้านอาหารด้วย ใครจะพักจิบกาแฟ ตามสบาย
ตกใจอีก ยอดเขามัทเทอร์ฮอร์นเล็กลง 55555
มีพวกประวัตินักเดินทางกลุ่มแรกให้ศึกษาด้วย หรือจะม้านั่งพักพร้อมคำตอนรับนานาภาษา
หินเยอะ วางกล้อง แล้ววิ่ง นับหนึ่งถึงสิบ
มีเขื่อนเล็กๆ โรงแรมอีกฝั่งหนึ่งของลำธารด้วย เห็นมีรถบัสโรงแรมด้วย
จุดนี้น่าจะดูลำบากในการเดินหน่อย แต่นอกจากนั้นก็เป็นทางชัน ทางราบ ปกติ
คู่ชีวิต คู่เพื่อน คู่แม่ลูก ครอบครัวหรือจะsoloแบบเรา ก็มาเหนื่อยด้วยกันได้ ทักกันไป ยิ้มให้กันไป
มาถึงจุดหนึ่ง น่าจะเดินมาได้สัก 3 ชั่วโมง เห็นจะได้
จุดนี้เป็นทางลงเขา แบบชันด้วย เราก็จอดนั่งพัก
เราเริ่มคิดถ้าเดินลงตรงนี้ ขากลับก็ต้องเดินขึ้นอีก ข้อมูลแผนที่ก็ไม่มี
เหนื่อยด้วยแล้ว เลยเลือกเดินกลับ
เดินกลับเข้ามาหมูบ้าน ใช้เวลา 2 เร็วกว่าขาขึ้นเยอะ
นักท่องเที่ยวช่วงบ่ายเยอะ คึกคัก ร้านค้าก็เปิดกันจนครบ
แวะเข้า museum ส่วนมากพูดถึงประวัติผู้พิชิตยอดเขามัทเทอร์ฮอร์นกลุ่มแรก เขาเป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ อะไรประมาณนั้น แล้วนี้คือเชือกที่ใช้ปีนเขา มีการขาดระหว่างปีนด้วย
เดินเข้าร้านขนมปัง น่ากินมาก แต่ก็ดันไปเห็น COOP
เลยเลือกไปซื้อของที่coopดีกว่า ประหยัดเงินได้เยอะ
ได้พีช 1 kg ไส้กรอกขาวแพค 6 ก้อน ขนมปัง 1 แพ นมกล่อง 1 ลิตร
คือกะว่าจะนั่งกินชิวๆในรถไฟขากลับ
จะเดินเข้าสถานีไปขึ้นรถไฟ แต่พึ่งเห็นสถานีรถไฟไต่เขา อยู่ตรงข้างกันเลย
เลยลองเดินเขาไปดูหน่อย
ปรากฏว่ามี promotion หลัง 15.30 pm round trip 28 CHF
ตอนนั้นน่าจะสักสามโมงนิดๆ ก็ต่อแถวที่เคาเตอร์ ถามอีกทีเพื่อความแน่ใจ
เมื่อได้รับความกระจ่างก็รอเวลาและกลับไปต่อแถวซื้อเลย
ขึ้นรถไปเลย ได้วิวจากอีกมุม
เสียงประกาศในรถไฟมีภาษาญี่ปุ่นด้วย ชาวญี่ปุ่นน่าจะนิยมมาที่นี้กัน
ในที่สุดข้อมูลที่หามาก็เกิดประโยชน์
เราลงที่สถานี Riffelberg เพื่อตามหาทะเลสาบ ตามรีวิว
คนเกินครึ่งหนึ่งของขบวนก็ลงที่นี้กัน
ตามป้ายไปเลย Riffelsee มองlakeเห็นจากตรงนี้ได้
เดินผ่านlakeแรก ไปอีกบ่อสองก่อน
และก็หิว หาก้อนหินริมทะเลสาบ หยิบไส้กรอก นม ขนมปัง กินแบบฟินๆ
นักท่องเที่ยวเยอะแยะจุดนี้ หามุมคนน้อยๆกันเองเน่อ
แล้วหลังจากนั้นก็ว่าจะเดินไปหอดูดาวที่สถานีสุดท้ายสถานีGornergrat
อ่านรีวิวมามีทางเดินเลียบทางรถไฟแบบง่าย กับ ทางไต่เขาแบบยาก
โดยความอยากรู้ว่าทางจะเยอะแค่ไหน เราเลยเลือกไปแบบยาก
เอ้า! เริ่มเดิน
เห็นธารน้ำแข็งแต่ไกล
วางกล้อง เเล้วเอารูปตัวเองหน่อย
ครึ่งทางแรกไม่ได้ยากอะไร ทางราบๆเลียบไหล่เขาไป เริ่มเงียบ คนเริ่มน้อย
เริ่มไต่เขา คือแบบเหนื่อยจริงๆ ชันมาก แต่มีทางเดินให้เดินตาม แบบซิกแซก
คงเพราะเป็นที่สูง อากาศเริมเย็น เราเหนื่อยเร็วมากๆ
ใครจะมาทางนี้ก็ประมาณสภาพร่างกายตัวเองด้วยหน้อ
เริ่มเห็นความเข้าใจความยาก ความลำบากของการเดินเขา
มาถึงจุดนี้ นั่งพักบ่อยมา ถึงขั้นนอนกับดินเลย เหนื่อยจริงๆ ใจเต้นตุ๊บๆ เดินแค่สิบก้าวก็ต้องพัก
เราเริ่มต้องทำเวลา เพราะ รถไฟรอบสุดท้าย 2 ทุ่ม
ตอนนั้นน่าจะทุ่มแล้วยังมองไม่เห็นหอดูดาวเลย
เงียบมากจุดนี้ เข้าใจคำว่า อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ เลย ไม่เจอใครเลย
มองหาสัญลักษณ์สีนี้ เป็นทางเดินไปหอดูดาว
เห็นตัวอะไรไม่รู้ เหมือนหนูตัวใหญ่ๆด้วย ไม่รู้เรียกอะไร
แล้วก็ตัวเหมือนหนูตัวเล็กอีก วิ่งอย่างเร็ว แต่จุดนี้เหนื่อยมาก ไม้มีอารมณ์ถ่ายรูปแล้ว
ในที่สุดก็ไต่พ้นยอดเขา เห็นหอดูดาว แต่ไม่รู้เราเดินผิดทางหรืออย่างไง
มาโผล่ไกลมากจากหอดูดาว
เราเลยต้องข้ามมาลงอีกฝั่ง เดินไม่ไหว หาทางลัด ก็ใช้วิธีสไลด์ลงตามทางที่ทำเองเลย
เดินมาเจออีกlake ใกล้กับสถานีกระเช้าที่น่าจะเปิดช่วงwinnter
มองหาทางรถไฟ จนเห็นรถไฟผ่านไกล รีบมาตอนนั้น
พอมาถึงรางรถไฟ ดันไม่รู้ว่าสถานีใกล้สุดต้องเลี้ยวซ้ายหรือขวา
เดินไปขวาเห็น lakeที่แวะตอกแรก ใกล้ๆ
เลยคิดว่าต้องเลี้ยวซ้าย เพราะlake ไม่น่าจะอยู่ใกล้สถานี
แต่ปรากฎว่าไม่มีสถานี ก็ต้องเดินกลับไปทางขวาอีก
คือ งงกับตัวเอง
ระหว่างทางรถไฟรอบสุดท้ายก็ผ่านมา ไปสถานีสุดท้าย เรารีบโบกมือใหญ่
พนักงานเขาก็เปิดหน้าต่าง บอกว่าเดียวไปสถานีสุดท้ายก่อน เดียวกลับมารับ
เรานี่โล่งใจ จะได้กลับไม่ต้องมานอนหนาว 555 ถึงขั้นวางแผนหาที่นอน ถ้าไม่ได้กลับ
เดินมาเรื่อยๆตามทางรถไฟ ก็เจอสถานีที่ลงตอนแรก ตอนนี้ยิ้มเลย
ดีใจมากจุดนั้น
เจอบ่าวญี่ปุ่นสองคน ขอเขาถ่ายรูปให้ ชวนเขาคุยใหญ่เลย 555
แข่งกันคิดท่าถ่ายรูป ไม่มีอาย
เราถามเขาว่าขึ้นมาเดินเล่นนานละยัง
เขาบอกพึ่งมาครึ่งชั่วโมง รถไฟขาขึ้นรอบสุดท้ายเนี่ย แล้วก็รอรอบสุดท้ายกลับเลย
เอาตรงๆเราเสียดายเงินแทน 5555
รถไฟรอบสุดท้าย สองทุ่มกว่าๆ
ได้กลับแล้ว ก็เปิดหน้าต่าง ถ่ายรูปไปเยอะๆ มีความสุข
ตัวเมืองยามเย็น
สถานีรถไฟไต่เขา ตรงข้ามสถานีเลย
วันนี้ก็ประสบณ์ความสำเร็จมาก
ถือว่าคุ้มมาก ความเหนื่อย ความท้อ ก็กลายเป็นความทรงจำดีๆ ที่สนุกและฮาของเรา
วันนี้ก็ประสบณ์ความสำเร็จมาก
ถือว่าคุ้มมาก ความเหนื่อย ความท้อ ก็กลายเป็นความทรงจำดีๆ ที่สนุกและฮาของเรา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น