Pairs 2nd

1/05/2016

เริ่มด้วยเช้าที่สดใส บ่ายที่รู้สึกซวย และจบด้วยdinnerสุดhappy




แผนของวันนี้จะเริ่มเดินจากบ้าน แล้วเดินไปเรื่อยๆ พอถึงประมาณทุ่มหนึ่งที่ไหนก็กลับจากที่นั้น พอดีนัดกับโฮสว่าจะออกไปกินข้าวกัน

ถ้าคุณจะใช้ CS ต้องแบ่งเวลาเวลาให้โฮส มีเวลาได้พูดคุย ทำความรู้จักกัน เเล้วคุณจะได้รู้จักเมืองนั้นจาก local people  ร้านไหนที่อร่อยถูกปาก ราคาถูกใจ เกร็ดความรู้ การใช้ชีวิต คุณจะได้รู้จากโฮสแน่นอน ซึ่งเราคิดว่า " Awesome! " มันสุดยอดจริงๆนะ เขาก็อยากmake new friend  อยากรู้จักเรา แบ่งเวลา แบ่งที่พัก อะไรในบ้านเรียกได้ว่าใช้ได้หมด กินได้หมด

ซึ่งจากปกติเราจะเดินเที่ยวแบบไม่รู่ไรเลย ถ้าไม่อ่านดู  แต่พอมีโฮสแค่เขาเล่าให้ฟัง ทั้งสนุก ทั้งฝึกภาษา ได้ศัพท์ใหม่ๆ ได้เห็นชีวิตแบบชาวปารีสจริงๆ เพราะบ้านโฮสไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว ได้เห็นวิถีปารีสชัดเจน

บอกก่อนว่าเราก็ไม่เก่งภาษาอังกฤษ ซึ่งหลังจากเราไปออแพจากเมกา1ปี ทำให้เรากล้าคุยมากขึ้น ถูก ผิดไม่สน อันไหนไม่แน่นใจมากๆ ก็เปิดดิกส์  ถามคุยกันไม่รู้เรื่อง ก็ถามซ้ำๆอยู่นั้นนะ เรียกได้ว่าแปลภาษาอังกฤษ เป็นภาษาอังกฤษ

ทำให้ทริปนี้เราก็ได้มุมมองแบบParisian จาก Thomas (host ของ Paris'trip 3 days 2 nights)

Thomas ตื่นมาปุป เขาก็เข้าครัว  เตรียมกาแฟ ขนมปังปิ้ง เนย แยม มาจัดโต๊ะ กินข้าวเช้ากันเลย เราได้แค่นั่งดู พอเขาจัดเสร็จ เขาก็เรียกเรามากิน  กินไปคุยไป เราต้องออกบ้านพร้อมเขา เขาก็ให้รหัสประตูชั้นล่าง เราจะกลับมาตอนไหนก็ได้ เขาจะกลับมาประมาณ 1ทุ่ม ถามว่าแผนเราวันนี้ไปไหนบ้าง เขาให้เรายืมคู่มือท่องเที่ยว เวลาล่วงเลยมาใกล้แปดโมงเขาก็ขอตัวไปจัดการตัวเอง  เราก็จัดการทำความสะอาดโต๊ะ ยกของไปเก็บให้  ก่ออย่างที่บ้าน ทุกอย่างเหมือนเป็นบ้านเรา เราก็ต้องรู้จักทำความสะอาดบ้านเราด้วย จริงปะ

หลังจากแย่งกัน โฮสก็ไปทำงาน เราก็ไปเที่ยวซิ
เปิดGPS เดินไปดู Park ใกล้บ้านก่อนเลย

 
Square René-Le Gall
ที่เรามาสวนนี้เพราะ ภาพขวา แต่ตอนเรามาดอกกุหลาบยังไม่บาน ก็เลยดูไม่มีไร แต่ชาวปารีสเดินกันให้ควัก ออกมาวิ่ง ออกกำลังกันพอประมาณ เด็กเดินไปฌรงเรียน รถไฟวิ่งทุก 2นาที
เราเอง กับอีกมุมของปารีส

  
9.30 เด็กเขายังไม่เข้าโรงเรียนเลย แต่เยอะรอหน้าโรงเรียนเตเต็มเลย รูปกลางนั้นทหารหน้าโรงเรียน

  
แล้วก็มาถึง
Les Catacombes de Paris 
รู้แค่ว่าเป็นสุสานใต้ดิน มีโครงกระดูกเรามาเรียง  แต่ต้องซื้อตั๋ว เลยไม่ได้เข้า ถ่ามาแค่ป้ายด้านหน้า อ่านก็ไม่เอา  บ้าบอดีก้อ (host บอกเขาทำไมดูจากให้หนังสือก็ได้ 55555)
แถวนี้เป็นวงเวียนใหญ่ มีสิงโตนอนอยู่กลางวงเวียน สวนย่อมเล็กๆ ถ้าไม่เดินมาก็ นั่งรถไปมาลง Denfert-Rochereau station แต่ก็ไม่มีไรนะแถวนี้ อย่ามาเลย 5555

 

แล้วเราก็เดินต่อจนมาถึง
Le Jardin du Luxembourg หรือ Luxembourg garden
  
มีกลุ่มนักเรียน ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต คนมาวิ่ง และโต๊ะปิงปอง เราขอไปเล่นกับเขาเลย 555 ชอบมากปิงปอง โต็ะปิงปองเขาเป็นปูน ไม่ใช่โต๊ะไม้แบบบ้านเรา เด้งดีๆ




           
นั่งพักอย่างนาน เขียวๆ ร่มรื่น อากาศดีสดชื่นจริงๆ
       

Luxembourg Palace
มีเก้าอี้เหล็ก เอาไว้นั่งตากแดด คนเยอะอยู่หนา นั่งคุยกัน นั่งอ่านหนังสือ นั่งกิน เริ่มเห็นนักท่องเที่ยวแถวนี้ละ


  

                                                                    Fontaine Medicis
 

 
พอเดินออกมาจากสวน ก็มีภาพถ่ายเอสกิโมโชว์ ไปตามรั้ว คนก็แวะดูกัน สวยดี แต่รู้สึกขัดกับอากาศที่เริ่มอุ่น จนร้อนตอนนี้ 555

 
เราเริ่มเดินมัวๆ เข้าตรอก ออกซอย เริ่มเป็นแหล่งชอปปิ้ง ร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้า ของฝาก นักท่องเที่ยวเริ่มเยอะกว่าเดิม
          
Fontaine Saint-Michel สวยมากประตูนี้
เป็นอะไรไม่รู้ แต่ให้ความรู้สึกแบบประตูเมือง ประตูท่าแพ 555

แล้วเราก็มาถึง
Cathédrale Notre-Dame de Paris
  
ขอเล่าเลย นี้คือภาพจุดเกิดเหตุแรกของเรา นักท่องเที่ยวเยอะนะ ที่ม้านั่งเล่นเยอะด้วย แต่มันจะมีเป็นกลุ่มผู้หญิง บ่รู้ว่าประเทศไร ผมดำ น่าจะเอเชียเนี่ย แล้วมันจะมาคนหนึ่งเดินมาหานักท่องเที่ยว

ตอนนั้นเรานั่งพักกินขนมปังแบบจนๆ ของเรา
มันมาคนหนึ่งแล้วถามว่า พูดภาษาอังกฤษก่อ แล้วมันจะขอ ชื่อ ประเทศ รหัสไปรย์ณี ลายเซ็น แล้วจะขอบริจาคเงินให้คนหูหนวก เด็กพิการ เอกสารมันเป็นภาษาอังกฤษนิดหน่อย แล้วมีตารางเขียน

ตอนแรกเราไม่รู้ ก็คุยกับมัน ก็เซ็นไป แล้วพอดูกระดาษ มันก็กระดาษถ่ายเอกสารธรรมดา ใครก็ทำได้ เลยคิดว่ามันลอกเอาตังละ เลยบอกมันว่าบ่มีตัง ทำเป็นบ่ายเบี่ยงไปอย่างอื่น บอกมันเขียนได้ ก็ลบได้ ไปลบออกแหละ จนมันรำคาณ แล้วเดินออกไปเอง

เราก็ไม่ได้คิดไรมาก กินต่อ ถ่ายรูปต่อ เที่ยวต่อ ชิวๆ ต่อไป ข้ามถนนไปฟังดนตรีดีกว่า
   
       

แล้วก็ข้ามกลับมาเดินทางโบสถ์ต่อ ไปนั่งชิวฟังเสียงระฆัง  จากอีกหนึ่งวิธีการหาข้อมูลการทำความรู้จักปารีสของเราคือ ดู The Hunchback of Notre Dame
ภาพนี้ ให้ความรู้สึกจากฉากคนชั่วในอนิเมชั่นมาก ฉากนั้นมี sound track แล้วรูปปั้นก็หันมามอง
" คุณทำชั่ว อย่าคิดว่าไม่มีใครเห็น เราพวกเนี่ยแหละมองคุณอยู่ "
  

  
คนก็เยอะ กลุ่มนักเรียนหลายกลุ่มจริงๆ ส่วนนี้มืออาชีพสุดๆ น่าจะถา่ยรูปนิตรสาร มัง
  
แล้วเราก็เดินต่อ ถ่ายรูปต่อไป

     

มาถึง the Louvre Museum เพื่อเดินเล่น ถ่ายเก็บบรรยากาศกลางวันอีก

 

 


เดินทะลุมาเรื่อยๆ ก็จะเจอ Jardin des Tuileries
    
ช่วงสองวันนี้ อากาศดีฝนไม่ตก คนเลยดูคึกคัก แต่โฮสบอกว่า ถ้าsummer เต็มรูปแบบ เยอะกว่านี้
มีเก้าอี้เหล็กให้ลากไปลากมา นั่งตรงไหนก็ได้ อากาศดีๆ

  
จะอ่านหนังสือ พกอะไรมากิน หรือ นั่งเฉยๆ ดูผู้คน ดูงานศิลปะ จะแบบไหนก็ฟิน 

 

  

   
และก็เกิดเหตุครั้งที่สองจนได้
ตอนนั้นเดินเลียบทางเดินแม่น้ำแซน ชั้นติดถนน (ชั้นล่างติดแม่น้ำ ท่าเรือ) ใกล้สะพานPont Alexandre III ที่ฝั่งเดียวกับGrand Palais แถวนั้นคนเดินไม่เยอะ ต้นไม้เรียงเป๋นแถบ บางมุมมันดูบังตาได้ ตำรวจก็ไม่มี รูปที่มีรูปปั่นม้า เหตุเกินแถวนี้เลย

เหมือนเดิม มันอยู่เป็นกลุ่ม ตอนแรกมันเดินมาคนเดียว พูดแบบเดิม
เราก็บอกว่าไม่ แล้วที่นี้มันมาทั้งหมู่ 4 5 คน พูดแบบเดิมทุกคน เราก็บอกไม่ๆๆ
แต่คงเพราะโดนรุ้ม เลยหยุดเดิน แล้วก็มีอีตัวหนึ่ง มันล้วงกระเป๋า
เรารู้สึกเลย yelp ออกไป “เฮ้ยยย!” แล้วดูหน้ามัน
อีนั้นมันยังมีหน้ามาแบมือโชว์ แบบยังบ่ได้หยิบอะไรไป
คราวนี้เราตะโกนดังๆเลย “help!” โบกไม้โบกมือ หาคนแถวนั้น
มันก็เริ่มแตก เปิ้นก็รีบเดินไปหาคนแถวนั้น แล้วมันก็หนีไปอยู่หัวสะพาน

ก็พอจะรู้สาเหตุที่น่าล้วง และความผิดพลาดของตัวเอง
1. เสือกใช้กระเป๋าผ้าแบบไม่มีซิป (รู้สึกว่านี้เป็นครั้งแรกที่ใช้ ปกติเวลาแอ่วบ่เคยใช้เลย)
2. ห้อยกล้องที่คอ โชว์ตัวว่า กูนักท่องเที่ยว
3. หยุดเดิน ไม่พยายามปีกตัวออกมาก่อน
4. ไม่ขี้ระแวง คือไม่คิดว่ามันจะทำ (เที่ยวอเมริกา ไปไหนคนเดียวตลอด ไม่เคยเจอปัญหาอะไรเลย)
เพราะฉะนั้น หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี เวลาเที่ยวต้องระวังเป็นพิเศษ ยุโรปพวกแหล่งท่องเที่ยว หนักเอาการ พยายามเดินเกาะกลุ่มกับคนอื่นๆ เราหน้าตาเอเซีย ดูออกว่าเป็นนักท่องที่ยว ถ้าเห็นกลุ่มคนอย่างว่า ก็เดินหนีไปทางอื่นเลย

หลังจากนั้นเราก๋อเป๋นกำกึ้ด หรือ ภาษาไทยที่ว่า คิดมาก คือถ้าหายจริงนี้จะทำไง คิดอยู่นั้นแหละจนเดินมาถึงหอไอเฟล มีคนเข้ามาคุยกับเราเราก็พอรู้เขาจะวาดรูปแล้ว เก็บเงิน แต่เขาพูดดี หว่านล้อมโคตรเก่ง แต่เรายังรู้สึก faultก็เล่าเรื่องไป บอกเลยฉันไม่มีเงิน แต่เขาก็ยังชวนคุย เขาบอก ถ้าเจอคนถูกใจ เขาก็อยากวาดเขาก็ว่าไปงั้นแหละเรารู้ แต่ก็ดีมีคนคุยด้วยได้ระบาย 555 สุดท้ายเขาก็วาดแล้วเอาให้เรา บอกให้เราโชคดี ไม่ต้องเซ็นอะไรทั้งนั้น เราก็พอจะรู้จุดประสงค์เขาที่เขามาคุย แต่ก็จบด้วยมิตรภาพดีๆก็ยังที่เรารู้ๆกัน บนโลก ทุกที่มีทั้งคนดี คนไม่ดี

ใครจะเที่ยวก็ระวังเยอะๆนะ เอาเราเป็นอุทาธรณ์เล็กๆ เราก็จะระวังให้มากขึ้น

มีเวลาเหลือเฟือวันนี้ เราก็นั่งๆนอนๆแถวสนามหญ้าใต้หอไอเฟล รู้จักแบบมีสองโซนเลยนะ 
โซนนักท่องเที่ยว จะเห็นไอเฟล จะมีคนเดินมาขายไวท์ ถามอยู่นั้นนะ
แล้วโซนที่ไม่เห็นไอเฟล คือ ชาวปารีส จริงๆ เป็นส่วนมา ไม่มีคนมาขายของเลย

FAUBOURG SAINT-GERMAIN
เจอกลุ่มคนไทย ใหญ่มาก เราอาสาถ่ายรูปให้ยาย ยายบอกมากับบริษัท บริษัทนี้คงโคตรรวย พามาอังกฤษ เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส

จะนั่ง จะนอนยังไงก็สี่โมงกว่า เราเลยตัดสินใจนั่งรถไฟไป
Bastille station
แล้วเดินลงใต้มาเรื่อยๆ จนถึงบ้าน

เป้าหมายของแผนที่เพิ่มคือ
Place des Vosges

จตุรัสที่มีอายุหลายร้อยปี เป็น park เล็ก อบอุ่น สวยดี เราชอบๆ
 

เดินทางทางใต้ตาม GPS จนมาถึงท่าเรือ Bassin de l'Arsenal
มีจัดงาน ขายงานศิลปะ รอบๆท่าเรือ แต่ตั้งซื้อticket เข้างาน
 

Muséum national d'Histoire naturelle

  
พวกธรรมชาติ โรงเรือนกระจก สวนพืช ผัก สมุนไพร ประมาณนั้น มีสวนสัตว์ด้วย แต่เราไม่ได้ไป
     

กลับมาถึงบ้านโฮสประมาณทุ่มครึ่ง เราก็นั่งพัก สักแปป เห็นในอ่างล้างจานเต็มเหมือนเดิม เราเลยไปล้างให้ โฮสมาเห็น ไม่ต้องล้าง เดียวพรุ่งนี้แม่บ้านมา เดียวแม่บ้านไม่มีอะไรทำ
แต่เราเริ่มแล้ว เราเลยล้างจนเสร็จ หนึ่งในข้อดีของการเป็นออแพ ชอบล้างจาน
ไม่ใช่ละ ดูแลความสะอาด ความเรียบร้อยได้ดีขึ้นจากเมื่อก่อน

Thomas ก็ถามอยากไปกินแบบฝรั่งเศสใช้ไหม budgetกี่euro
เราก็บอกเขาสัก 10 - 20
แล้วเราก็เดินกันไปที่ร้าน แถวบ้านโฮส มีร้าน บาร์ เยอะมาก
เราเห็นคนมานั่งตั้งแต่ ทุ่มกว่า จนตอนนั้นจะสองทุ่ม ก็ยังสว่าง
โฮสบอกนี้ยังไม่เยอะ ถ้าเยอะนี้คือ ยืนเต็มถนนเลย


Chez Gladines

ร้านจากฝรั่งเศสใต้ ร้านนี้ร้านแรกเลย original
เมนูเด่นเป็นพวก salad
เราสั่ง 5 diamond เป็นชื่อถนน หน้าร้าน แล้วเขาน่าจะใส่ 5 อย่างหลักด้วย gaol cheese, ตับห่าน เนื้อ ไก่ หมูbbq 

ที่นี้ไม่ต้องให้ทิป เขารวมค่าบริการ มาในอาหารแล้ว แต่ถ้าอยากโชว์ป๋า ก้อให้ได้ โฮสพูดเองเลย 5555 

เห็นส่วนมากเขาก็สั่งสลัดกัน แต่ก็มีพวกชุปเห็ด แฮม กาแฟ ของหวาน อะไรอีกบ้างก้อไม่รู้ แต่ที่แน่ๆมีไวท์ แอลกอฮอล์

ที่สำคัญ พนักงานหล่อมาก 555
ได้ศัพท์มาหนึ่งคำ จำขึ้นใจ จากป้านเมนู nos = us ไม่อ่านออกเสียง s

ถึงเวลากิน สั่งไวท์เพิ่ม red wine จาก south french คือ แบบ ดูมีราคามาก
เรากินไปเรื่อยๆ เหมือนจะธรรมดา แต่อร่อยมากนะ โฮสกินจนจะหมด เรายังถึงครึ่งทาง
พลิกไปทางไหนก็เจอแต่ชีส กับเนื้อ จิบไวท์ไปด้วย ลำแต้ๆคะ
คืออิ่มมาก โฮสยังถามจะเอาของหวานไหม เราคือ แบบไม่ไหวเเล้ว

แต่เราไปแตะตาป้ายหน้าเคาเตอร์ อันนี้ sangria maison
เลยถามโฮสคืออะไร โฮสบอกสั้งเลยจะได้ลอง แล้วThomas ก้อสั่งให้ เป็นไวท์แดง ผสมน้ำผลไม้ ใส่ส้มสองชิ้น คือ หวาน หอม ถึงว่าโฮส บอกมีปาร์ตี้เมื่อถ้ามี คือ เมาง่ายมาก ซึ่งเราเห็นด้วย

พอทานเสร็จก็กลับมาบ้าน คุยกันต่อ ถามเราจะเอากาแฟไหม เลี้ยงดีมาก
พอเราถามจ่ายคะมื้อเย็น เขาให้เราออกแค่ 10euro นอกจากนั้น treat for you
ขอดีขอการได้โฮสมีอายุ ทำงานมั่นคง คือ treat very well มาก


ก่อนนอน ก็เบียร์อีกขวด พร้อม french comic ถามว่าอ่านออกไหม
ไม่คะ  เอาบรรยากาศ 55555 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

4 ชั่วโมงกว่า ไม่มีหลับกับ Bernina Express

ไป-กลับ Grindelwald - First

ไม่ได้มาเล่นๆ Neuchâtel