"Hasselt"
1/04/2016
(ต่อจาก Liege)
ระหว่างนั่งรอรถไฟ จาก ไลกี ไป ฮัสเซิลต์
มีผู้ชายคนหนึ่ง กำลังซ่อมจักรยาน คือ อยากช่วยนะ แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไง คือ คนแถบวอลลูน ส่วนมากพูดฝรั่งเศส กลัวทักไปแล้วจะคุยกันไม่รู้แล้ว เลยนั่งดูเฉยๆ
จนในที่สุดเขาก็หันมามองเรา แล้วเขาก็ทักเรา ว่า
' คุณพูดภาษาไร อยากให้ช่วยถือบันไดถีบของจักรยานให้หน่อย'
เราก็เป็นคนดี อยากช่วยอยู่แล้ว เราก็บอก
'พูดภาษาอังกฤษอย่างเดียว' แล้วไปช่วยเขา
จากที่นั่งดูเขาพยายามอยู่เกือบ 10 นาที เราแค่ไปถือบันไดถีบปัป ใส่โซ่เสร็จเลย 10 วิ
หลังจากไหนเราก็รอรถไฟคุยกันไป ขึ้นรถไฟคุยกันไป
เขาเป็นคนเบลเยี่ยม เคยไปau pair ที่ อังกฤษ 4เดือน แล้วใช้CSเหมือนกัน พึ่งกลับจากนาร์มู ไปนอน 2วัน 1คืน กำลังจะกลับบ้าน เขาแนะนำเราดีมาก ทั้งเรื่องเที่ยว เรื่องตั๋วรถไฟ รถบัส เรื่องเมือง อ่านออกเสียงชื่อเมืองแบบดัตซ์ ฝรั่งเศส เรื่องคนในเบลเยี่ยม แนะนำให้ข้ามไปเที่ยวเนเธอร์แลน จะมาแถวบ้านเขาเมื่อไรก็บอก เดียวเขาพาเที่ยว แบ่งขนมให้เราอีก และทำให้เรารู้ว่านางไม่แมน 55555
สุดท้ายถึงปลายทางสถานี ก็ต้องแยกย้าย
เรากับนาง(สรรพนามเปลี่ยนเลยทีเดียว) ก็ได้เป็นเพื่อนกันในfacebook มีเรื่องอะไรส่งแชทไปถามตลอด
'ขอบใจนางจริงๆ แค่คนแปลกหน้ามาเจอกัน สุดท้ายเป็นเพื่อนกันภายใน 1 ชั่วโมง'
ฮัสเซิลต์ เป็นอีกเมืองที่น่ารัก บริการนักท่องเที่ยวดี ให้ใช้รถจักรยานฟรี(นางแนะนำมา) ให้บริการที่city hall(แต่เราหาไม่เจอ เลยไม่ได้จักรยานมาปั่นเล่น) มีที่shopping ร้านอาหารในcretrum (เหมือนกันทุกเมือง) คงเพราะวันนี้อากาศดี ดูที่นี้คนเยอะกว่าที่centrumเมืองอื่น
ทีเด่นๆ ก็น่าจะเป็น สวนญี่ปุ่น Japanse Tuin (แต่ช่วงที่เราไปซากุระยังไม่บาน ไปเย็นมา ประตูปิดแล้วด้วย) มีค่าผ่านประตู 5euro(มังถ้าจำไม่ผิด)
เราใช้วิธีเดิม เดินเป็นหลัก พอได้แผนที่จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก็เดิน แต่อย่างว่าขนาดมีแผนที่ยังหาcity hall ได้เจอ ก็เดินไปหลงไปตามเดิม แต่นี้ก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของการเดินทาง
(ต่อจาก Liege)
ระหว่างนั่งรอรถไฟ จาก ไลกี ไป ฮัสเซิลต์
มีผู้ชายคนหนึ่ง กำลังซ่อมจักรยาน คือ อยากช่วยนะ แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไง คือ คนแถบวอลลูน ส่วนมากพูดฝรั่งเศส กลัวทักไปแล้วจะคุยกันไม่รู้แล้ว เลยนั่งดูเฉยๆ
จนในที่สุดเขาก็หันมามองเรา แล้วเขาก็ทักเรา ว่า
' คุณพูดภาษาไร อยากให้ช่วยถือบันไดถีบของจักรยานให้หน่อย'
เราก็เป็นคนดี อยากช่วยอยู่แล้ว เราก็บอก
'พูดภาษาอังกฤษอย่างเดียว' แล้วไปช่วยเขา
จากที่นั่งดูเขาพยายามอยู่เกือบ 10 นาที เราแค่ไปถือบันไดถีบปัป ใส่โซ่เสร็จเลย 10 วิ
หลังจากไหนเราก็รอรถไฟคุยกันไป ขึ้นรถไฟคุยกันไป
เขาเป็นคนเบลเยี่ยม เคยไปau pair ที่ อังกฤษ 4เดือน แล้วใช้CSเหมือนกัน พึ่งกลับจากนาร์มู ไปนอน 2วัน 1คืน กำลังจะกลับบ้าน เขาแนะนำเราดีมาก ทั้งเรื่องเที่ยว เรื่องตั๋วรถไฟ รถบัส เรื่องเมือง อ่านออกเสียงชื่อเมืองแบบดัตซ์ ฝรั่งเศส เรื่องคนในเบลเยี่ยม แนะนำให้ข้ามไปเที่ยวเนเธอร์แลน จะมาแถวบ้านเขาเมื่อไรก็บอก เดียวเขาพาเที่ยว แบ่งขนมให้เราอีก และทำให้เรารู้ว่านางไม่แมน 55555
สุดท้ายถึงปลายทางสถานี ก็ต้องแยกย้าย
เรากับนาง(สรรพนามเปลี่ยนเลยทีเดียว) ก็ได้เป็นเพื่อนกันในfacebook มีเรื่องอะไรส่งแชทไปถามตลอด
'ขอบใจนางจริงๆ แค่คนแปลกหน้ามาเจอกัน สุดท้ายเป็นเพื่อนกันภายใน 1 ชั่วโมง'
Hasselt
ฮัสเซิลต์ เป็นอีกเมืองที่น่ารัก บริการนักท่องเที่ยวดี ให้ใช้รถจักรยานฟรี(นางแนะนำมา) ให้บริการที่city hall(แต่เราหาไม่เจอ เลยไม่ได้จักรยานมาปั่นเล่น) มีที่shopping ร้านอาหารในcretrum (เหมือนกันทุกเมือง) คงเพราะวันนี้อากาศดี ดูที่นี้คนเยอะกว่าที่centrumเมืองอื่น
ทีเด่นๆ ก็น่าจะเป็น สวนญี่ปุ่น Japanse Tuin (แต่ช่วงที่เราไปซากุระยังไม่บาน ไปเย็นมา ประตูปิดแล้วด้วย) มีค่าผ่านประตู 5euro(มังถ้าจำไม่ผิด)
Japanse Tuin แบบเขียวๆ(เขียวหญ้า)
Z33
ได้เห็นโบสถ์ที่แปลกตา จากโบสถ์อื่น ได้ภาพสวนสาธารณะแบบสบายๆ เพราะหลงทาง ตามนั้น
เดินเล่นสบายๆ ไม่เอาไรมาก ถ่ายรูปไป เดินไป สุดท้ายก็กลับมารอรถไฟ กลับบ้าน
จำวันนี้ได้ดีเลย เพราะ นั่งรถไฟผิดขบวน อ้อมไปAntwerp แล้วค่อยนั่งอีกขบวนมา Brussels กว่าจะถึงบ้าน เกือบ 5 ทุ่มค่ะ
" ได้เพื่อน ได้หลงทาง ได้ภาพหลายภาพ ได้ใช้เงิน ได้ความเหนื่อย ได้ความหนาว ได้ความชื้นจากน้ำฝน ได้ปั่นจักรยานมาสถานีรถไฟทุกวัน ได้นั่งรถไฟ ได้ประสบณ์การใหม่ๆ เบลเยี่ยม 6 วัน 11 เมือง ก็จบลงแบบนี้แหละคะ"
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น